22 August 2009

คีย์บอร์ด มันดีกว่า จอสัมผัส + ปุ่มตัวเลข มันดีกว่า คีย์บอร์ด = Nokia 5730 XpressMusic


ผมซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาครับ Nokia 5730 XpressMusic เหตุผลที่ผมรีบตัดสินใจเสียเงิน เพื่อซื้อโทรศัพท์ในครั้งนี้ ก็เพราะว่า Asus P525 ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผมมาเกือบสองปีมันชักอาการไม่ค่อยดี ชอบดับเองบ่อยๆ แถมเครื่องก็ชอบค้าง ซึ่งเป็นอาการปกติของตระกูล Windows Mobile) ซ้ำร้ายปุ่มควบคุมทิศทางแบบจอยสติ๊กดันโยกได้แบบเพี้ยนๆ เช่น โยกลง ดันกลายเป็น ลง+ซ้าย นอกจากนี้ Wi-Fi ที่เคยใช้ได้ดีก็กลับต่อไม่ค่อยติด พอเข้าเว็บเบราว์เซอร์ ก็ค้างอีก ผมจึงทนไม่ไหว ไม่อยากเสียการติดต่อ + เสียอารมณ์ กับการใช้งานเครื่องนี้อีกต่อไป เลยเป็นโอกาสเหมาะที่จะหามือถือเครื่องใหม่ ที่มันจะไม่กวนใจผมเวลาใช้
ผมก็ตั้งสเปกของเครื่องนี้ไว้สูงพอสมควร (สูงกว่าสเปกผู้หญิงของผมซะอีก) แต่ความสามารถอย่างหนึ่งที่ผมอยากได้มาก ตั้งแต่เริ่มนั่งจิ้มๆจอเจ้า P525 ก็คือ QWERTY keyboard ครับ ทำไมนะหรือ? ก็เพราผมรู้สึกไม่ถนัดอย่างยิ่ง ในการนั่งจิ้มจอ ด้วยความที่คีย์บอร์ดเสมือนใน P525 มันเล็กสิ้นดี จิ้มพลาดนิดเดียวก็ไม่ตรงกับตัวอักษรที่ต้องการแล้ว ผมเลยเหนื่อยหน่ายทุกครั้งที่ต้องจิ้มจอ

ถึงหลายคนที่ใช้ iPhone หรือเครื่องจอสัมผัส อาจจะเถียงว่า คีย์บอร์ดเสมือนบนจอมันจะไม่เล็กแล้ว แต่ถึงกระนั้น ผมก็มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนใช้มือถือจอสัมผัสต้องเถียงไม่ออกอย่างแน่นอน “ตอนขับรถ คุณใช้จะสัมผัสจอยังไง” นั่นคือสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดในการใช้มือถือจอสัมผัสครับ เพราะมันต้องมองจอตลอดเวลา!! นั่นทำให้อันตรายเข้าใกล้คุณมากขึ้น แค่เดินยังจะชนเลย ยิ่งตอนขับรถไม่ต้องพูดถึง

แต่อย่างไรก็ตาม QWERTY keyboard มันก็ใช้ไม่สะดวกเวลาขับรถพอกัน ดังนั้นมือถือที่ผมจะใช้มันก็ต้องมีปุ่มตัวเลขแบบมือถือธรรมดา ซึ่งทำให้ตัดรุ่นมือถือที่ไม่มี 2 อย่างนี้ไปได้ แทบจะหมดโลก เหลืออยู่แค่ HTc S740 กับ Nokia E75 และ 5730 XM เท่านั้น ผมก็ตัด HTc ไปแบบไม่ลังเล เพราะมันใช้ระบบ Windows Mobile! ที่จะต้องค้างเป็นพักๆอีกอย่างแน่นอน และเหตุที่ไม่เลือก E75 เพราะดีไซน์มันไม่สวยในสายตาผมเลยครับ ถึงการประกอบจะดีกว่าตามสไตล์ Series E ก็ตามที

5730 เครื่องนี้มีทุกอย่างที่ผมต้องการ ทั้ง QWERTY keyboard, Wi-Fi, Organizer, Bluetooth, กล้อง (ที่ผมไม่เกี่ยงว่าความละเอียดจะเท่าไหร่ แค่ถ่ายรูปได้เป็นพอ) และอันดับสุดท้ายก็คือ ระบบ 3G ที่ผมทำใจไว้แล้วว่า ถึงจะใช้เครื่องนี้จนพังไปอีกเครื่องในเมืองไทยก็คงจะยังไม่มี นอกจากความสามารถข้างต้นแล้ว ก็ยังมี feature ที่เหนือความคาดหมายของผมอยู่ในมือถือเครื่องนี้ด้วย เช่น ปุ่มเล่นเกม N-Gage, GPS ที่ผมคงไม่ต้องใช้ และสิ่งที่เจ๋งที่สุดของเครื่องนี้ก็คือ ‘Say and Play’ ครับ

‘Say and Play’ คือระบบที่จะฟังเสียงพูดของคุณออกมาเป็นตัวอักษรแล้วก็นำไปค้นหาเพลง จากนั้นก็เล่นมันออกมา ซึ่งมันเจ๋งมากๆตรงที่รองรับภาษาไทยนี่แหละ แต่เท่าที่ผมลองก็ยังไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่นะ หรือผมออกเสียงไม่ชัดก็ไม่ทราบได้ แต่ค่อนข้างแน่ใจว่ามันจะแปลงคำที่พูดออกมาเป็นทับศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือที่ชอบเรียกว่า ภาษาคาราโอเกะ แล้วนำไปค้นหา ในฐานข้อมูลเพลงอีกทีหนึ่ง

แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีไปหมดทุกอย่าง อย่างแรกที่ผมรู้สึกไม่ค่อยดี ก็คือการประกอบ โดยเฉพาะตรงปุ่มเล่นเพลงด้านข้างจอ ที่ดูเหมือนจะเริ่มยุบทั้งที่เพิ่งใช้มาอาทิตย์เดียว และฝาหลังที่ดูบอบบางเสียเหลือเกิน จนไม่กล้าแกะพลาสติกที่ติดไว้ออก เพราะมันทำมาจากพลาสติก ซึ่งผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า มันจะทนกับการใช้งานของผมได้ซักกี่น้ำ แต่ก็ประกอบส่วนอื่นๆก็ยังไม่ออกอาการเท่าไหร่นัก สิ่งที่อยากติต่อมาก็เชื่อมโยงกับข้อเสียแรก นั่นคือเครื่องด้านหน้าเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก เพราะพลาสติกเป็นแบบมันเงา อย่างสุดท้ายที่ไม่ชอบคือจอมัน “ไม่สัมผัส” ครับ อ๊ะ เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งด่า จริงๆแล้วที่รู้สึกขัดนิดๆเวลาสัมผัสจอไม่ได้ น่าจะมาจากการใช้มือถือจอสัมผัสมานานมากกว่า แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้วล่ะครับ

ถ้าใครชอบพิมพ์ แต่ไม่ชอบมือถือจอสัมผัสแหละก็ ผมแนะนำรุ่นนี้แบบโคตรๆเลยครับ หรือจะลองมาเล่นเครื่องผมก่อนก็ไม่ว่ากัน
ปล. ระบบสะกดคำ T9 ใช้กับ QWERTY ได้ห่วยอย่างแรง เพราะปุ่มมันไม่ตรงกับปุ่มตัวเลข
ปล2. ใช้ QWERTY พิมพ์ไทยช้ามากเพราะตำแหน่งมันไม่เหมือนคีย์บอร์ดในคอมพิวเตอร์
ปล3. เห็นคีย์บอร์ดเรียบๆอย่างนี้ แต่กดง่ายมาก

09 August 2009

nisit.kasetsart เว็บไซต์ที่ห่วยที่สุดในโลก (Part 1)

[น18+] เนื้อหาด้านล่างต่อไปนี้ มีถ้อยคำที่หยาบคาย ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ

เมื่อวันศุกร์ (7 สิงหาคม) ผมอดเข้ากิจกรรม Mind map ของมหาลัยครับ
อดเพราะว่าอยู่ดีๆมันเลื่อนวันจัดกิจกรรมให้เร็วขึ้นกว่าตอนที่ผมสมัคร (สมัครไปเมื่อกลางเดือนที่แล้ว)
ปกติผมจะจดนัดหมายต่างๆลงไปในมือถือของผมเสมอ แน่นอนว่ากิจกรรมของมหาลัยครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมสมัครในเว็บไซต์ nisit.kasetsart.org ซึ่งเป็นเว็บที่รวมกิจกรรมของมหาลัย แล้วผมก็จดลงมือถือทันที ว่าเป็นวันที่ 11 สิงหาคม หลังจากนั้นผมก็ลืมเลือนมันไป เพราะมือถือผมจะแสดงเวลาให้เอง เมื่อใกล้ถึง

แต่วันที่ 7 ซึ่งเป็นวันที่ผมสอบวิชา Operating System ในช่วงบ่าย หลังออกจากห้องสอบ ตอน 4 โมง ผมก็คุยกับเพื่อนเรื่องข้อสอบกันปกติ ก่นด่า บ่นอะไรกันพอหอมปากหอมคอ พอราว 4.40 ผมจึงคิดที่จะกลับบ้าน เดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ตรงบาร์ใหม่ ระหว่างทางผมจึงโทรหาแก้วเรื่องหนังสือการ์ตูนที่ยืมไป แต่แก้วก็บอกว่าไม่ได้อยู่กับตัว ผมจึงถามต่อ ดังบทสนทนาด้านล่าง

โอ๊ต - “หนังสืออยู่ที่ห้องแล็ป? แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ?

แก้ว - “อยู่ในกิจกรรม Mind map ที่ตึก 50 ปี”

ผมก็สงสัยครับ เพราะชื่อกิจกรรมมันเป็นชื่อเดียวกับที่ผมจะเข้าวันที่ 11 เลยถามต่อเพื่อความแน่ใจ

โอ๊ต - “ตึก 50 ปีไหน?”

แก้ว - “ก็ตึกที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนกับคณะศึกษาศาสตร์ไง”

ชิบหายละครับ! กิจกรรมเดียวกันนี่หว่า ถึงตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจ หยุดเดิน มาหาที่นั่งเพื่อเปิดคอมพิวเตอร์เช็คดู แล้วก็เปิดดูปฏิทินในมือถือเพื่อเทียบกัน แล้วก็อุทานในใจว่า “หอกหัก! แม่งเปลี่ยนวันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!!?” เลยโทรไปถามแก้วอีกรอบว่ายังเข้าได้รึเปล่า? ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “เข้าได้ถึง 5 โมงอะ” หลังจากวางผมก็มองเวลาในมือถือ 4.52 ...เอาวะพอทัน จึงเริ่มวิ่งจาก KITS ครับ แต่ด้วยความที่แบกโน้ตบุกไปด้วย แถมรองเท้ายังเป็นคัขขู วิ่งได้แป๊บเดียวก็หมดแรง เลยตัดสินใจว่าจะเอาของไปไว้ที่รถก่อน หลังจากนั้นก็วิ่งแหลกครับ จนถึงหน้าโรงเรียน ได้กลิ่นเหม็นของไอเสียรถยนต์ที่จอดอยู่ แวบนั้นก็นึกถึงกระทู้ในพันทิพ ทันที! แต่”ช่างหัวมัน” ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจ

พอไปถึงตึก 50 ปีปุ๊บ มองนาฬิกา 5.03 “เอาวะ เลทนิดหน่อย น่าจะยังทัน” แต่ตอนที่เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงหน้าห้องที่กำลังเก็บของลงทะเบียนกันอยู่ ก็ได้รับคำตอบอันเย็นชาว่า “หมดเวลาเข้าแล้วครับ” ด้วยความเหนื่อยจัด ตอนนั้นเลยยังไม่เถียงอะไร เดินหอบ มานั่งข้างนอก พร้อมกับโทรหาแก้วอีกรอบ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “ลองเข้าไปคุยอีกรอบสิ” ผมจึงเดินเข้าตึกไปคุยกับเจ้าหน้าที่อีกรอบ
ตรงช่วงนี้เป็นบทสนทนาที่ไม่น่าพิสมัยซักเท่าไหร่ครับ เพราะคุณเจ้าหน้าที่ก็บอกผมว่า “แล้วทำไมคุณถึงไม่มาให้ทันล่ะ?” เท่านั้นแหละ ผมถึงจุดพีคทันที ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. อยู่ดีๆก็เปลี่ยนวันจัดกิจกรรม ไม่มีการประกาศ ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่ส่งอีเมล์
2. เลื่อนแล้วยังดันมาตรงช่วงสอบอีกต่างหาก
3. บอกว่าผมผิดที่มาไม่ทันเวลาเอง (ก็กุวิ่งมาจนปวดขา เหงื่อท่วม แล้วมึงยังจะคิดว่ากุเล่นละครหรือไง)
เจ้าหน้าที่มันเรียกอ.ที่คุมกิจกรรมมาคุยแล้วครับ ก็น่าจะคุยรู้เรื่องขึ้นมาหน่อย แต่ก็ดันกลายเป็นคำแก้ตัวแทน
a. “งั้นคุณก็มาเข้ากิจกรรมอื่นสิ” (ก็คนสมัครมันล้น เข้าได้ก็เข้าไปแล้วโว้ย!)
b. “คนมันไม่เต็มหรอก อย่างวันนี้ก็มากันแค่ร้อยกว่าคนเอง” (ก็มึงเปลี่ยนวันไง คนมันเลยไม่เต็ม แล้วอันอื่นกุก็ไม่อยากเข้า)
c. “กิจกรรมนี้จัดทุกปี ทำไมคุณไม่มาเข้าตั้งแต่ปี 2 ล่ะ” (ก็กุไม่คิดว่าชม.กิจกรรมมันจะขาดไงเล่า เข้าร่วมแล้วก็ไม่ให้ชม.กุ มันคงจะครบหรอก)
d. “งั้นคุณก็รอเข้ากิจกรรมอื่นก็ได้ มันมีตลอดปีแหละ” (กิจกรรมมึงมีตลอด แต่กุไม่ได้ว่างตลอดโว้ย กุปีสี่แล้ว มีโปรเจ็กจบ)

ตอนนี้ ถึงผมจะเกินจุดเดือดไปแล้ว แต่ก็ยังพูดด้วยถ้อยคำที่ดีที่สุด สุภาพที่สุด แล้วก็คิดว่าจะได้คำตอบที่ดีๆกลับมาบ้าง แต่ก็กลายเป็นคำตอบ แถไปแถมา ข้างๆคูๆ ที่เหตุผลของผมสามารถปัดตกไปได้ทุกอัน จนบทสนทนามาถึงจุดสุดท้าย
“ผมขอโทษด้วยแล้วกันครับ”
แค่นี้เหรอ? คิดว่าขอโทษนิสิตคนเดียวแล้วเรื่องมันจะจบหรือไง
เชื่อเหอะ เดี๋ยววันอังคาร (11) นี้ ต้องมีนิสิตมารอที่หน้าห้องประชุมตรึม
แล้วจะมาโทษแก๊สโซฮอล์ไม่ได้นะ...

ใน part 2 ผมจะมาแฉถึงความกากของ nisit.kasetsart.org แบบถึงลูกถึงคน