31 December 2008

Truewifi อะไรกันนี่??

เพิ่งเจอมาสดๆร้อนๆเมื่อกี๊นี้เลยครับ ต่อเข้าtruewifi ได้ก็มาพิมพ์เล่าเรื่องนี้เลย

ตอนนี้อยู่ Majorcineplex รัชโยธิน

คือว่าผมได้ Truewifi 3 month unlimited แถมมากับ Vaio
ในใบusername บอกว่าต้องลงทะเบียนครั้งแรกภายใน 31-Dec-2008
ไอ้เราก็คนไม่อยากเสียสิทธิ์แต่แถวบ้านก็ไม่มี Truewifi ที่ม. ก็ KUWIN เร็วโคตรอยู่แล้ว
ก็เลยหาโอกาสมาเปิดใช้ให้ช้าที่สุด(จะได้ใช้ได้นานๆ)
ความหมายคือมันต้องหมดอายุวันนี้(31ธันวา) ตอน 23:59:60 น. ถูกมั้ยครับ?

แต่...!!! ดันเข้าไม่ได้ ระบบมันบอกว่า 'username has expired'

เฮ้ย!! หมดได้ไง(วะ) วันนี้ก็วันทีี่ 31 ธันวา เวลาก็ยังไม่

ช่างเทคนิก หรือพนักงานออก username พลาด หรือไม่ฉลาดอย่างไร พอเข้าไปเช็ค usage time ในเว็บ

ดันกลายเป็นว่าต้อง login ก่อน 31-Dec-2008, 00.00.00 ก็คือวันนี้ตอนเที่ยงคืน
ซึ่งมันผ่านไปแล้ว!!!
แล้วมันผิดตรงไหน?
มันก็ผิดตรงที่ว่าถ้าหากเป็นวันหมดอายุที่ make sense แล้วก็จะเป้นตามที่ผมบอกข้างบน
เลยเกิดอาการ "หมดอายุก่อนจริง 24 ชม...."

เรื่องอย่างงี้มันต้องร้องเรียนกับท่านเปาครับ เลยโทรไปหา Operator(ทั่นเปาตรงไหนเนี่ย)

แต่ก็ยังดีครับที่ช่างเทคนิก(อีกฝ่าย) คิดได้ make sense พอ
เค้าจึงจัดการเลื่อน expired date ให้มาอีก 1 วัน

รอดไป... ได้ใช้ truewifi ฟรีอีก 3 เดือน เย่!! (จะได้ใช้คุ้มมั้ยเนี่ย -*-)

27 December 2008

Review Sony Vaio SR25S

สำหรับ Vaio เครื่องนี้ซื้อมาได้เดือนกว่าแล้วครับ แต่ไม่มีเวลามา review ซักที

ช่วงนี้เลยถือโอกาสสอบเสร็จมา review ซะเลย


Specifications

CPU: Intel® Core™ 2 Duo Processor P8400 (2.26GHz)

Chipset: Intel® PM45

RAM: DDR2-800 2GB (1 slot available) --ซื้อมาเพิ่มอีก 2 GB

HDD: SATA 250GB TOSHIBA (5400rpm)

Graphics: ATi Mobility Redeon™ HD 3470 with 128MB (DDR3) Dedicated memory

Screen: 13.3" Wide (16:10) WXGA 1280x800 Pixel TFT, Clear Bright LCD (white LED)

Sound: Intel® High Definition Audio, Built-in speakers (stereo), Built-in microphone (monaural)

Wireless: Intel® WiFi Link 5100 AGN, Bluetooth 2.0+EDR

Ethernet: 1000BASE-T/100BASE-TX/10BASE-T

Optical Drive: DVD±RW/±R DL/RAM drive

Card Reader: SD/MMC reader slot (SDHC compatible), Memory stick slot

Other: 1.3Mpixel Built-in camera, 2xUSB port, i.LINK (IEEE 1394) 4-pin, 56 kbps modem, port VGA port, Headphones jack, Microphone jack

Battery: Li-Ion 6-cell 4800MAh

OS: Microsoft Windows Vista® Home Premium with Service Pack 1

Weight & Dimension: 1.96 kg (with 6-cell battery), 315x34x233.8 mm

Price 49,900 TH฿ (Incl. VAT)


Build & Design


เป็น notebook ที่สวยอันดับต้นๆในใจเลยทีเดียว ออกแบบได้ลงตัว ใครๆเห็นก็ต้องเหลียวหันกลับมามองอีกรอบ

เรียกได้ว่าสวยบาดใจ body ใช้ Magnesium Alloy ตามสมัยนิยม ดีไซน์ข้อต่อจอเป็นแบบท่อ ดูกลมกลืนกับตัวเครื่อง

ด้านขวาของท่อเป็นปุ่มเปิด-ปิด ที่จะมีลักษณะพิเศษเล็กน้อยคือ เวลาใช้งานเครื่องก็จะมีไฟสีเขียวเรืองขึ้นมา

แต่ถ้าอยู่ใน sleep
mode ไฟก็จะเป็นสีส้มวูบวาบ สวยงามมาก นอกจากนี้ก็คือ จะกดเปิดเครื่องไม่ได้ถ้าไม่เปิดฝาพับขึ้นมาเสียก่อน

ส่วนด้านซ้ายเป็นรูเสียบสายชาร์ต


การประกอบของเครื่องก็ค่อนข้างเรียบร้อยดี ไม่มีจุดที่ยวบยาบให้สัมผัสได้ เว้นแต่ตรงแบตเตอรี่ที่เหมือนจะหลวมๆเล็กน้อยซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหามาก


Input & Output Ports



ด้านหน้า: สวิตช์เปิด-ปิด wireless พร้อมไฟ, memory stick slot และ SD/MMC slot



ด้านขวา: DVD-RW drive, 2xUSB port และ Ethernet + modem port ที่มีฝาปิดอยู่ครับ



ด้านซ้าย: Microphone jack, Headphones jack, Heat vent, VGA port, i.LINK port และ ExpressCard/34 slot



ด้านหลังมีแค่แบตเตอรี่เท่านั้นครับ


Screen


จอของเครื่องนี้เป็นแบบ LED Blacklit ครับ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีให้แสงสว่างกับหน้าจอแบบใหม่ที่สว่างกว่า และประหยัดพลังงานมากกว่าแบบ CCFL เดิมครับ

จอของเครื่องนี้ก็สว่างแบบได้ใจมากๆ แต่ก็เป็นจอกระจก ทำให้มีแสงสะท้อนอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้มากมายเหมือน notebook บางรุ่น

ส่วนความละเอียดของจอก็เป็นขนาดมาตรฐานคือ 1280x800 pixel ข้อพับจอที่เป็นแบบท่อ ก็แข็งแรง ไม่มีอาการหลวม แล้วก็ไม่มีตัวล็อกหน้าจอให้รำคาญตาเวลาใช้

แต่มีจุดที่ต้องระวังเล็กน้อย คือจอบางมาก เวลาจับก็ต้องเบามือนิดนึง มีจุดติอีกเล็กน้อยคือจอมันจะอมเหลืองนิดๆ แต่ก็เหมาะสำหรับดูหนังครับ จะสบายตากว่า แต่ถ้าจะทำงานด้านภาพก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะนัก (ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รุ่นพี่ที่เป็นช่างภาพบอก ถึงเพิ่งสังเกตเห็น)


Speakers & Audio

เครื่องนี้ลำโพงเล็กมากครับ เป็นขีดๆข้างละ 2 ขีดซ้าย-ขวา เหนือคีบอร์ด แต่พลังเสียงนี่เรียกได้กว่าเกินตัวครับ ดังพอใช้ได้เลยทีเดียว ถึงจะดังไม่เท่า หลายๆรุ่นที่มีลำโพงแบบ Surround

ส่วนเรื่องคุณภาพเสียง ก็จัดอยู่ในระดับธรรมดา ไม่ได้เด่นอะไรมาก แต่เปิดสุดก็ไม่แตกเหมือน notebook ถูกๆหลายยี่ห้อ



Keyboard & Touchpad

คีบอร์ดของรุ่นนี้ก็กลายเป็นแบบมาตรฐานของ Sony เป็นที่เรียบร้อย คือคีย์บอร์ดแบบยกตัว ที่หลายๆคนคิดว่าเลียนแบบ Macbook มา

แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ เพราะคีย์บอร์ดแบบนี้มีมานานแล้ว และผู้ผลิตหลายเจ้าก็เอามาใช้ได้หลายปีแล้ว Apple ไม่ใช่ผู้เริ่มต้น

จุดเด่นของคีบอร์ดรุ่นนี้คือกดง่ายมาก และสำหรับคนที่เล็บยาวก็จะไม่ทำให้เล็บลงไปติดในร่องของคีบอร์ดด้วย

ส่วน Touchpad ก็มีขาดใหญ่สะใจ Scroll ได้ทั้งทางแนวตั้ง และแนวนอน ความฝืดก็อาจจะมากไปซักหน่อย

ปุ่มก็มีขนาดใหญ่ กดง่าย ออกจะแข็งเล็กน้อย (รุ่นนี้ไม่มี Finger print reader)


Performance & Benchmarks

เครื่องนี้ใช้ Platform Centrino™2 ของ Intel ครับ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนคือ

  1. Intel® Core™ 2 Duo (Penryn)
  2. Intel® PM/GM/GS 45 chipset
  3. Intel® WiFi Link 5100/5300 AGN

ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนเยอะทีเดียว ทั้งการ Encode Video เล่นเกม ดูหนัง หรือทำงานหนักๆอื่นๆได้สบายหายห่วง

แถมประหยัดพลังงานดีกว่าเดิมอีกด้วย CPU รุ่นนี้มี L2 Cache ที่ 3MB และ FSB 1066MHz ทำให้สามารถดูหนัง HD 1080p ได้สบายหายห่วง ส่วนหนึ่งเพราะว่ามีการ์ดแสดงผลช่วยประมวลผลภาพด้วย

ส่วนการ์ดแสดงผล ATi Mobility Redeon™ HD 3470 ถือได้ว่าอยู่ในระดับล่างๆ แต่ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลได้ดีและทำให้สีของภาพสดขึ้นด้วยเทคโนโลยี Avivo™ ของ ATi การใช้การ์ดแสดงผลของ ATi นั้น ทาง Sony คงต้องการเน้นให้รุ่นนี้ทางด้าน Home Entertainment มากกว่าจะเป็น Gaming Notebook

เรื่องการเล่นเกมนั้นก็สามารถเล่นเกมที่ไม่ใหม่มากได้ (ปรับไม่สุด) เท่าที่ลองกับ Call of Duty 5: World at War ก็สามารถปรับความละเอียด 1280*800 และออปชั่นแบบต่ำสุด ได้ Framerate ที่ประมาณ 30-40 fps ก็ถือว่าพอใช้ได้แล้วครับ หรือถ้าเป็นเกมเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เช่น Half-Life 2 ก็สามารถปรับเกือบสุดได้เลย


สำหรับแรมที่เพิ่มมาเป็น 4 GB นี่ก็ช่วยได้มากครับ ทำให้ระบบเสถียรมากขึ้น และการ์ดจอก็ดูดแรมไปแชร์มากขึ้นด้วย (ดูดไปตั้ง 1.2GB o_O') ทางที่ดีผมก็แนะนำเลยครับว่าควรจะซื้อแรมเพิ่มอีก 2 GB เพราะถ้าแรมแค่ 2 GB คงทำอะไรๆได้ไม่ถนัดนักใน Vista





คะแนน Windows Experience Index ได้ base score มาที่ 4.7 คะแนน ถือว่าดีมากสำหรับ notebook ในกลุ่ม Ultraportable เลยครับ



คะแนนจาก WPrime32M

โปรแกรม WPrime ค่อนข้างอิงกับปริมาณ Main Memory หรือ RAM ดังนั้นเวลาที่ได้อาจจะเร็วขึ้น (1 วินาทีโดยประมาณ)

Notebook(CPU)

WPrime32M time

Sony Vaio SR25S (Core 2 Duo P8400 @ 2.26GHz)

36.056s

Lenovo IdeaPad U330 (Core 2 Duo P7350 @ 2.0GHz)

38.222s

Toshiba Satellite U405 (Core 2 Duo T8100 @ 2.1GHz)

37.500s

Lenovo T61 (Core 2 Duo T7500 @ 2.2GHz)

37.705s

Dell Studio 15 (Core 2 Duo T5750 @ 2.0GHz)

41.246s

HP TouchSmart tx2 (Turion X2 Ultra ZM-86 @ 2.4GHz)

34.940s

HP Pavilion dv4t (Core 2 Duo T9600 @2.8 GHz)

26.972s


คะแนนจาก PCMark05

Notebook

PCMark05 Score

Sony Vaio SR25S (2.26 GHz Core 2 Duo P8400, ATi Redeon HD 3470)

4,583 PCMarks

Lenovo IdeaPad U330 (2.0 GHz Core 2 Duo P7350, ATi Redeon HD 3450)

4,801 PCMarks

Dell XPS M1330 (2.0GHz Intel Core 2 Duo T7300, NVIDIA GeForce Go 8400M GS)

4,591 PCMarks

Dell XPS M1530 (2.20 GHz Intel T7500, Nvidia 8600M GT 256MB)

5,412 PCMarks

Dell Studio 15 (2.0 GHz Core 2 Duo T5750, Intel X3100)

3,998 PCMarks

HP TouchSmart tx2 (2.4GHz Turion X2 Ultra ZM-86, ATI Radeon HD 3200)

3,488 PCMarks

HP Pavilion dv4t (2.8GHz Intel T9600, Nvidia 9200M GS 256MB)

5,463 PCMarks


คะแนนจาก 3DMark06

Notebook

3DMark06 Score

Sony Vaio SR25S (2.26 GHz Core 2 Duo P8400, ATi Redeon HD 3470)

2,049 3DMarks

Lenovo IdeaPad U330 (2.0 GHz Core 2 Duo P7350, ATi Redeon HD 3450)

2,056 3DMarks

Dell XPS M1330 (2.0GHz Intel Core 2 Duo T7300, NVIDIA GeForce Go 8400M GS)

1,408 3DMarks

Dell XPS M1530 (2.20 GHz Intel T7500, Nvidia 8600M GT 256MB)

4,332 3DMarks

Dell Studio 15 (2.0 GHz Core 2 Duo T5750, Intel X3100)

493 3DMarks

HP TouchSmart tx2 (2.4GHz Turion X2 Ultra ZM-86, ATI Radeon HD 3200)

1,685 3DMarks

HP Pavilion dv4t (2.8GHz Intel T9600, Nvidia 9200M GS 256MB)

1,741 3DMarks

Toshiba Satellite U405 (2.1GHz Intel T8100, Intel X3100)

539 3DMarks


ผลทดสอบจาก HD Tune

ความเร็วในการโอนข้อมูลเฉลี่ยที่ประมาณ 45 MB/s และความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ 18.0 ms ถือว่าอยู่ในระดับความเร็วปกติ

Features

เครื่องนี้ Feature นิดหน่อยครับ นั่นก็คือปุ่ม Mode มีไว้สำหรับเป็น quick lunch โปรแกรมต่างๆที่เรา set ค่าไว้


โดยมี 3 โหมดหลักๆ คือ Business Mode, Personal Mode และ Entertainment Mode ซึ่งแต่ละโหมดก็จะมี shortcut ให้ 5 โปรแกรม ทั้งหมดก็คือสามารถตั้งโปรแกรมได้ 15 โปรแกรม (3*5)

ซึ่งจะมีปุ่มทั้ง 5 อยู่ถัดจากปุ่ม mode ซึ่งเราสามารถกดปุ่ม Setting เลือก Background, shortcut หรือสามารถเปลี่ยนชื่อ mode เองก็ได้

Shortcut ทั้ง 5 จะแสดงอยู่บน desktop ของเครื่องเรา ซึ่งเรามารถที่จะกดจากหน้าจอ หรือจากปุ่มก็ได้ ผมว่าก็เป็น Feature เจ๋งๆที่สะดวกดีครับ

ส่วนอีก 1 Feature ที่ไม่ค่อยมีกันคือ HDD Protection ครับ คือการป้องกัน HDD เสียหายจากการกระแทก ด้วย sensor จับความเคลื่อนไหวนั่นเอง

สามารถเลือกระดับการป้องกันได้ 3 ระดับ Low, Mid, High



Battery

ถ้าใช้พิมพ์งานและเล่นอินเตอร์เน็ตใน Balance mode ความสว่างจอ 50% จะใช้ได้ราวๆ 2ชม.50นาที ออกจะน้อยไปซักหน่อย ถ้าใช้งานหนักหน่อยพวกดู DVD ปรับความสว่างสูงสุด (เปิด Wi-fi) ใน Performance Mode ก็จะใช้ได้ 2ชม.22นาที ก็ดูหนังได้จบเรื่องนึงพอดี มีเวลาเซฟงานอีกนิดหน่อย แต่ถ้าใช้เล่นเกมหรือทำงานแบบหนักๆนี่คงไม่ถึง 2 ชม.แน่นอนครับ (ยังไม่เคยลอง) ส่วนเวลาชาร์ตนี่ก็นานมากๆครับ คือราว 4ชม.กว่าๆ คาดว่าคงเป็นเพราะต้องการที่จะให้ถนอมแบตฯล่ะมั้งครับ


Heat & Noise

ความร้อนที่ปล่อยออกมาจากเครื่องในการใช้งานทั่วๆไปก็แทบจะไม่รู้สึกครับ เสียงพัดลมก็เบามาก ลมที่ออกมาจาก vent ก็แค่อุ่นๆ

เสียงอ่านแผ่น DVD ดังกว่าพอสมควร ความร้อนแถวๆคีบอร์ดด้านซ้ายจะเริ่มเห็นชัดเจนก็ตอนใช้งานหนักๆ พวกเล่นเกมหรือ encoding Video ที่จะร้อนจนรู้สึกได้ เสียงพัดลมก็จะดังขึ้น (แต่ก็ยังเบาอยู่ดี) ลมที่ปล่อยออกมาก็ค่อนข้างร้อนมาก ถ้าเอามือไปอังนี่ก็สะดุ้งได้เหมือนกัน ส่วนจะวางบนตักก็คงพอไหวตอนที่จะทำงานทั่วไป

ส่วนการระบายความร้อนก็ต้องบอกได้คำเดียวว่า ดีเยี่ยม สามารถระบายความร้อนจาก 75°c มาอยู่ที่ 50°c ภายในเวลาราวๆ 2 นาทีเท่านั้น! เรียกได้ว่า Platform Centrino 2 ของ Intel ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ


Conclusion

ด้วยราคาระดับนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าแพง แต่ด้วยตรายี่ห้อของ Sony ใน Design ที่ใครๆก็ต้องเหลียวมอง บวกกับ Feature เจ๋งๆอย่าง Mode

ผมว่าก็เป็น notebook ที่คุ้มค่ากับราคาค่าตัว 49,900 บาท มากๆครับ

ข้อดี

  • ดีไซน์สุดเฉียบ ใครเห็นก็ต้องชอบ
  • Keyboard ใช้งานง่ายและ Touchpad ไซส์พี่บิ๊ก
  • จอ LED สว่างบาดตา สีสดบาดใจ
  • ปุ่ม shortcut เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
  • Software ที่แถมมาด้วยมากมาย สาธยายไม่หมด
  • น้ำหนักและขนาดกำลังพอดี สะดวกในการพกพา
  • Platform Centrino 2 เร็ว แรงงง!!!
  • ระบายความร้อนของเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
  • มี card reader ถึง 2 slot (MS และ SD/MMC)

ข้อเสีย

  • แบตเตอรี่ใช้ได้ไม่นานเท่าที่ควร และชาร์ตนาน
  • USB แค่ 2 port (ทำให้ต้องขวนขวายหา Bluetooth Mouse มาใช้)
  • ไม่มี HDMI port
  • Windows Vista® ของแท้ (ไม่สามารถลง OS อื่นได้ จะหมดประกัน)


ปล1. ขอบคุณข้อมูล Benchmark ของ notebook รุ่นต่างๆจาก http://www.notebookreview.com/reviews/

ปล2. ขอบคุณรูปภาพเกือบทั้งหมดจาก http://techxcite.com/content.php/4/1425/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A+Sony+VAIO+SR17SN/

สวัสดี ใบขับขี่

เรื่องก็คือวันนี้ไปสอบใบขับขี่มาครับ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์อันสุดแสนจะหลากหลายอารมณ์ครั้งนี้ให้รู้กัน

เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามาก ราวๆ 6โมงกว่า เพราะพี่ที่สอนขับรถนัดให้ไปถึงร้านตอน 7 โมง
ไอ้กูรึก็ไปถึงตรงเวลา(late ราวๆ30วิ) พี่ทั่นก็ยังไม่มาถึงเลยต้องไปหาอะไรกินที่ 7-11 มาประทังชีวิต
จน 7 โมง 20 นั่นแหละ พี่แกถึงจะขับรถกระบะมา แต่ก็ยังดีที่มีสาวมารอด้วยอีกคนนึง

จากนั้นพี่ก็ขับไปเอาใบรับรองแพทย์ของอีกคนนึง ที่ไม่ได้เตรียมไป ร้านสอนขับรถเลยต้องไปทำให้
ประเด็นของตอนนี้มันก็อยู่ที่ว่า คลินิกที่ไปเอาใบรับรองแพทย์มันอยู่ในตลาด รถเยอะ แถมจอดเละเทะอีก
พี่ทั่นก็เลยมักง่ายมั่ง เจอช่องจอดปุ๊บเสียบเลย ช่องว่างที่ควรจะจอดได้ 2 คันพี่แกก็จอดซะเต็มเหยียด
แล้วระหว่างที่รออยู่ก็มีพ่อค้าคนนึงขับรถมา แล้วก็อยากจะจอดที่ๆเราขวางทางอยู่ ก็เลยมาเคาะกระจกให้ไปขยับให้หน่อย
ไอ้เราจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ แต่เกียร์ธรรมดานี่ไม่เคยเรียนซะด้วย เอาวะ...! ลองซักหน่อย
ว่าแล้วก็สลับที่นั่งไปขับ เปลี่ยนเกียร์ปุ๊บ ปล่อยคลัชท์เร็วเกิน ทำเครื่องดับไป 2 รอบ
มีสาวนั่งอยู่ข้างหลังด้วย โคตรอาย(ก็กูขับเป็นแต่ออโต้อะ ไม่เครื่องพังก็บุญโขแล้ว -*-)
ขยับเข้าที่ได้ก็ดันไปเฉี่ยวรถที่จอดอีกฝั่งนึงเข้าซะอีก แต่ดีที่ไม่เป็นรอย (เฮ่อ...)

แนะนำ 1. อย่าทำเครื่องดับต่อหน้าสาวครับ โชว์ลาวแต๊ๆ
แนะนำ 2. มาตรงเวลา บางทีก็ไม่ได้รู้สึกดี

พอเอาใบรับรองแพทย์มาได้ก็ต้องขับกลับไปที่ร้านอีกรอบ รอรับคนที่เหลือ ประเด็นถัดมาก็คือเจอสาวเอเชีย(ที่ไม่ใช่ไทย)
จะไปสอบด้วยครับ มากับแฟน(คนไทย) เป็นคู่ที่น่ารักดีทีเดียว ไอ้เรามองแรกๆก็นึกว่าเกาหลีไม่ก็ ญี่ปุ่นแน่ๆ แต่ไม่น่าใช่จีน
(คุยกับแฟนก็ภาษาอังกฤษ สำเนียงก็ดีด้วย ทำให้รู้สึกว่าอยากมีแฟนเป็นต่างชาติขึ้นมาทันที ภาษาคงจะดีขึ้นแน่ๆ)
แต่ก็ยังไม่ชัวร์ ไอ้จะเข้าไปถามก็ไม่กล้า แฟนเค้าอยู่ แล้วจะถามแฟน ก็ไม่กล้าอีกอะแหละ กูป๊อด - -“
เอาเป็นว่าแนวๆเอเชียตะวันออก เลยไม่ได้คิดมาก นั่งกระบะท้าย ไหลยาวไปถึงกรมขนส่งจังหวัดปทุมธานี

ไอ้ขนส่งปทุมฯเนี่ย จะเรียกว่าอยู่กลางทุ่งนาก็ไม่ผิด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจังหวัดปริมณฑล ดูห่างไกลความเจริญสุดๆ(ยังดีที่มีร้านข้าวแกงขาย)
พอไปถึงก็ต้องรอคนอื่นซีรอกซ์สำเนาบัตรประชาชน กับสำเนาทะเบียนบ้าน ระหว่างนั้นก็เลยคุยกับพี่ที่มาดูถึงได้รู้ว่าสาวที่กุคิดว่าเกาหลีเนี่ยจริงๆแล้วเป็นชาว..
มองโกเลีย!!! มองโกเลีย...อ่านไม่ผิดหรอก ถิ่นกำเนิดของเจงกิสข่านผู้เกรียงไกรนั่นแหละ
เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนมองโกเลียครับ ตื่นเต้นดีใจนิดๆ (จะตื่นเต้นทำไมเนี่ย) จริงๆก็คงจะมาเรียนที่ม.รังสิตนั่นแล

หลังจากที่ยื่นสำเนาทั้ง2อย่างกับใบรับรองแพทย์ดเรียบร้อยแล้วก็ต้องรอเข้ารับการสอบ
การสอบแบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆด้วยกัน
1. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
2. ทดสอบทฤษฎี
3. ทดสอบปฏิบัติ
การทดสอบก็เรียงตามลำดับเลย คือต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อน ซึ่งก็จะมี 3 การทดสอบย่อย
1.1 วัดปฏิกิริยาตอบสนอง
1.2 วัดสายตาทางลึก
1.3 วัดสายตาทางกว้าง
การทดสอบวัดปฏิกิริยาตอบสนองก็คือ จะมีกล่องวงจรอยู่ 1 กล่องอยู่ห่างจากเราราว 3 เมตร ที่เต่อกับแป้นคันเร่งกับเบรกที่เท้าเรา
ในกล่องวงจรจะเป็นไฟสัญญาณกับแถบหลอด LED สีอีก 1 แถว วิธีการทดสอบก็จะต้องเหยียบคันเร่งก่อน (ไฟสีเขียวจะติด)
เหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ ซักพักหลอก LED ก็จะมีไฟสีเขียวพุ่งขึ้นตามแถบ เราก็จะต้องเหยียบเบรกให้ทันก่อนที่จะถึงช่วงที่ LED เป็นสีแดง
ซึ่งช่วงนี้ก็จะมีระยะเวลา 0.75 วินาที(เร็วมาก) ถ้าเหยียบเบรกไม่ทันก็สอบตก กลับบ้านได้เลย
ไอ้เราก็ตื่นเต้น พอตอนสอบดันเหยียบเบรกไม่โดนซะงั้น - -“(อายอีกแล้ว) ยังดีที่เค้าให้แก้ตัวอีกรอบ คราวนี้ก็ไม่พลาด ชิวๆ

พอมาทดสอบอันที่ 2 ก็ไม่มีอะไรมากครับ กล่องวงจรอันเดียวกันด้านบนกล่องจะมีแท่งพลาสติก(น่าจะพลาสติก) 2 แท่ง
แท่งทางขวาติดอยู่กับที่ เราต้องทำก็คือกดรีโมต(ขึ้น-ลง)ให้แท่งทางซ้ายเลื่อนมาอยู่ในแนวเดียวกับแท่งด้านขวา
อันนี้ก็ผ่านมาแบบชิวๆ

การทดสอบถัดมาก็เป็นวัดสายตาทางกว้าง การวัดก็จะคล้ายๆที่เรียนชีวะม.5 (ที่ให้เอาแท่งสีเลื่อนจากหางตามาเรื่อยๆจนกว่าจะบอกสีได้)
อันนี้ก็จะคล้ายๆกัน แค่ไฮโซกว่า เพราะเป็นเครื่องวัดโดยเฉพาะ คือคนคุมสอบจะเป็นคนกดเลือกไฟสี(แดง-เหลือง-เขียว)ที่จะติดตรงหางตา
สิ่งที่เราต้องทำคือ ตามองตรงแล้วตอบสีที่คนคุมสอบกดให้ถูก 2 ใน 3 ครั้งก็จะผ่าน
จริงๆมันก็ไม่ควรจะยากเท่าไหร่หรอก ไอ้ที่ยากก็คือมันมีทั้งด้านซ้ายและขวา เลยสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังชิวๆอยู่ ผ่านมาแบบไม่ยากเย็นนัก

ส่วนสาวมองโกเลียก็ทำให้ทุกคนที่มาสอบฮือฮาพอสมควรเลย เสียงคุยเงียบลงทันทีทันใดเลย แถมสอบผ่านทุกอันได้ในรอบเดียวด้วย

แนะนำ 3. แบบทดสอบเหยียบแบรกนี่น่ากลัวสุด ต้องมีสมาธิพอสมควร
แนะนำ 4. ใครตาบอดสีก็ซวยไป...

พอก่อนจะสอบภาคทฤษฎีเนี่ย เค้าก็จะมีอบรมให้ก่อน ราวๆ 2 ชม. เกี่ยวกับกฎ กติกา มารยาททั้งหลาย ซึ่งก็ฟังสบายๆ ไม่น่าเบื่อ เพราะเป็นวิดีโอ
แล้วก็จะมีอีกส่วนที่บรรยายโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่น่าเบื่ออีกเช่นกัน พี่แกมีมุขตลอด ฮา หึหึ ได้เรื่อยๆ
ไอ้ตรง 2 ชม.นี้ เนื้อล้วนๆ ควรจะต้องใจฟังให้ดี(แต่ไม่ต้องจด เพราะเอาเข้าสอบไม่ได้) เอาเป็นว่าไม่ต้องอ่านอะไรมาก่อน ฟังอันนี้ 2 ชม. ก็ผ่านภาคทฤษฎีแล้ว

เรื่องที่นึกไม่ถึงอีกอย่างก็คือ ขนส่งปทุมฯใช้ระบบ e-Exam!! ก็คือระบบสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์นั่นเอง แถมยัง random ข้อสอบเองด้วย คือข้อสอบน่าจะมีเกิน 50 ข้อ แล้วเครื่องมันก็จะสุ่มมา 30 ข้อ
วิธีใช้เครื่องก็ไม่มีปัญหา เพราะเค้าอธิบายตั้งแต่ตอนอบรม ไอ้ปัญหาก็คือตอนเข้าไปสอบต้องแลกบัตรประชาชนกับ e-card
(ในการ์ดเค้าจะใส่ข้อมูลของเราลงไป ตอนสอบก็เสียบเข้าไปในเครื่อง) ดันลืมเอาบัตรประชาชนมา -*- โอ้วววว!!!!! (Scan ทำสำเนาเมื่อคืน เลยลืมเอาใส่กระเป๋าตัง)
เอาล่ะสิทีนี้ เกิดอาการตุ๊มๆต่อมๆ เค้าจะให้สอบมั้ยเนี่ยยย หรือต้องกลับบ้านหว่า ปรากฏว่าเดินเข้าไปพี่คนคุมแกก็ไม่ว่าอะไรเลย โล่ง....
ตอนทำก็ขำๆ ไม่ยาก แต่จอมันทำมุมองศาไม่ค่อยดี มองลำบาก ใช้เวลาไปราวๆ 9 นาที 30 ข้อ ต้องถูก 75% หรือ 23 ข้อขึ้นไป
ก็ทำถูกไป 26/30 ซึ่งก็ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้ เพราะทำไม่ได้ 3-4ข้อ เกี่ยวกับการต่ออายุบัตรไรซักอย่างเนี่ย ตอบมั่วเลย ไม่ต้องคิดมาก
ถึงไม่ผ่านก็แก้ตัวได้อีกรอบอยู่ดี(ต้องรอจนคิวสอบหมด ถึงจะได้แก้ตัว) แถมรอบๆตึกก็โปสเตอร์แนะนำกฎ สัญญาณ สัญลักษณ์ แปะเต็มไปหมด ใครตกก็แย่แล้ว
พอผ่านก็รับบัตรคิวสอบปฏิบัติ

สาวมองโกเลียเค้าก็มีข้อสอบภาษาอังกฤษให้ทำ แต่คุยกับแฟนเค้า(ตอนเที่ยงๆเริ่มกล้า) ก็บอกว่าศัพท์ยากมาก ไม่รู้ไปคุ้ยศัพท์จากที่ไหนมาออก รอบแรกได้ไป 16/30
พอมารอบ 2 พี่ทั่นติวอีท่าไหนไม่รู้ได้มา 27/30 เล่นเอาอึ้งไปนึดนึงเหมือนกัน เก่งเหมือนกันนะเนี่ย

แนะนำ 5. บัตรประจำตัวประชาชน ไม่ต้องเอาไปก็ได้ แต่ติดตัวไว้ก็ปลอดภัยดี (ตรงข้ามกับแฟนเนอะ)

กินข้าวเสร็จรอสอบตอนบ่าย รอคิวสอบที่ 74 อธิบายก่อน ท่าสอบมี 3 ท่า
3.1 หยุดเทียบทางเท้า ทางซ้าย
3.2 จอดเข้าช่อง ทางด้านซ้าย(ขนานกับถนน)
3.3 ถอยหลังทางตรง
ไอ้เราก็กังวลกับท่าสอบแรกมาก เพราะฝึกมาหน่อยเดียว แถมห้ามหยุดรถจนกว่าจะถึงเส้นที่กำหนดอีก เลยออกอาการกระสับกระส่ายเลยทีเดียว
ส่วนอีก 2 ท่าที่เหลือนี่ไม่ยาก เพราะฝึกมาเยอะแล้ว ยิ่งท่าที่ 3 นี่แทบไม่ต้องมองหลังเลยยังได้
อีกอย่างที่กังวลคือถ้าตกก็ต้องมาสอบซ่อมหลังปีใหม่ (แต่ยังดีที่ซ่อมแค่ท่าที่ตก)
แต่ความเซ็งที่ต้องรอนานนี่มันสุดยิดจริงๆ รอคิวตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะได้สอบก็บ่ายสามกว่าๆ ตอนนั้นเครียดมาก ต้องไปซื้อหมากฝรั่งมาเคี้ยว(จากร้านโชว์ห่วยแถวนั้น)
ต้องรออย่างเดียวจริงๆ น่าเบื่อขั้นเทพ พอถึงตอนที่เค้าเรียกหมายเลขนี่ก็ต้องไปเอารถวนมารอ (จะมีรถต่อคิวอยู่แล้ว) ตอนขับมาต่อคิวไม่มีอะไร
แต่คันข้างหน้านี่ เพิ่งจะเคยมาขับคันนี้หรือไงไม่รู้ (เห็นว่าเป็นรถเช่ามา) ต้องให้มีคนมาฝึกเข้าเกียร์ธรรมดา เข้าเกียร์มันคงไม่เท่าไหร่หรอก
**แต่ปกติเนี่ย แค่เข้าเกียร์เฉยๆรถมันก็จะออกตัวช้าๆอยุ่แล้ว** พี่แกคึกเหยียบคันเร่งด้วย เสยรถในลานจอดไป 2 คัน ทำเอาตกใจแว๊บ เพราะมันเล่นเกิดข้างหน้าแบบจะๆ
ก็น่าจะให้ตกได้เลยนะเนี่ย = =’ ขนาดยังไม่ทันสอบยังขับชนซะแล้ว (ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสอบผ่านรึเปล่า แต่ขอให้ไม่ผ่าน เดี๋ยวไปชนชาวบ้านเข้าจะแย่)

ตอนนี้ก็ถึงเวลาตื่นเต้นซะแล้ว เลี้ยวเข้าไปสอบท่าแรก มีกฎ 4 ข้อ
3.1.1 ห้ามหยุดรถจนกว่าจะถึงเส้นที่กำหนด
3.1.2 ห้ามล้อชนกับขอบฟุตบาท
3.1.3 ล้อห้ามห่างขอบฟุตบาทเกิน 25 ซม.
3.1.4 ล้อหน้าและล้อหลังต้องขนานกัย
ขับช้าๆๆๆๆๆๆ ช้าสุดๆ คือก็ต้องกะให้รถหยุดตรงเส้น(จริงๆเป็นช่วง ระยะ 1 เมตร)ที่เค้ากำหนด ปรากฏว่า ผ่าน! แถม perfect เลยด้วย
คือล้อทับเส้นขอบทางพอดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ไง (ตอนขับจริงคงทำไม่ได้ - -“)
พอผ่านท่าแรกปุ๊บก็ชิวเลยที่นี้ ขับมาทำท่าที่ 2 จอดรถเข้าช่อง มีกฎคือ
3.2.1 ห้ามขับชนหลักกั้น
3.2.2 เปลี่ยนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง
3.2.3 ล้อข้างขวาต้องไม่เลยจากเส้นที่กำหนด
3.2.4 ตัวรถต้องขนานกับช่องจอด
อันนี้ไม่ยากเท่าไหร่ มีเทคนิกเล็กน้อย (อยากรู้ก็ Email มาถามได้) แต่ที่สำคัญคือเค้าจะเปลี่ยนท่านี้ทุกปี ง่ายบ้าง ยากบ้าง อย่างปีนี้ก็ถือว่าง่ายแล้ว
เข้าไปจอดแบบขำๆ แต่คราวนี้เค้าไม่บอกแล้วว่าผ่านรึเปล่า จะโบกมือให้ไปทำท่าที่ 3 ต่อเลย

ท่าสุดท้ายก็ไม่ยากอีกเหมือนกัน คือวิ่งตรงเข้าไปในช่องทางแคบๆ เท่าที่กะๆด้วยสายตาก็คงราวๆ 2 เมตรกว่าๆ
ระยะทางซัก 15 เมตร พอขับตรงเข้าไปจนสุดก็จะมีป้ายหยุด แล้วเราก็จะต้องถอยหลังกลับในทางที่เข้ามาจนหน้ารถเลยเสาสุดท้าย
3.3.1 ห้ามขับชนเสาด้านข้าง
3.3.2 ห้ามหันไปมองข้างหลัง (แต่ใช้กระจกข้าง, กระจกมองหลังได้)
ผ่านแบบชิวๆอีกแล้ว เท่านั้นแหละ โล่งเลย โอ้วววว!!! กุมีใบขับขี่แล้ววว......................แต่! ยัง ยังก่อน ยังไม่ได้ทำใบขับขี่เลย

แอบเสียดายที่ไม่ได้ดูสาวมองโกเลียขับ เพราะกลับมาก่อน แต่ก็เดาได้ว่าน่าจะผ่านได้ไม่ยาก

แนะนำ 6. ขับช้าๆ ขับให้ช้าที่สุด แต่ห้ามหยุด(เฉพาะอันแรก) กรรมการจะเร่งให้ทำเร็วๆเพราะมีคนต่อคิดเยอะ แต่ก็ไม่ต้องไปสนใจ ตั้งใจขับอย่างเดียวพอ
แนะนำ 7. รถกระบะเสียเปรียบโคตรๆ เพราะยาวกว่า ตัวรถก็สูงกว่า มองยาก เป็นไปได้ก็ใช้รถคันเล็กจะดีที่สุด

พอสอบเสร็จก็ต้องมาทำบัตร จ่าย 205 บาท ค่าบัตร แต่พอควักกระเป๋าตังออกมาเท่านั้นแล.....120 บาท โอ้วววว!!! ลืมกดตังมา
แย่แล้ว ดีมาทั้งวัน จะมาตายตอนจบหรือเนี่ยกู.... สุดท้ายก็ต้องวิ่งไปยืมเงินพี่คนสอนขับรถมา 100 นึงให้พอจ่ายไปก่อน
จ่ายตังเสร็จก็มารอเข้าคิวถ่ายรูปลง smartcard ก็ผงะไปอีกรอบ คนต่อคิวราวๆ 50 คนได้ เพราะรถมอ’ไซค์ จะสอบเยอะกว่า แถมพนักงานถ่ายรูปก็มีคนเดียว
แต่ก็ยังดีที่ใช้โปรแกรมที่สร้างมาเฉพาะ ถ่ายรูปแล้วสกรีนลงบนบัตรเลย ก็สบายดี ไม่ต้องรอนาน แค่ครึ่งชม.เท่านั้นเอง (ก็ยังนานอยู่ดี - -“)

แนะนำ 8. พยายามทำตัวให้ดูดี เพราะเค้าถ่ายเร็วมาก
แนะนำ 9. พยายามทำตัวให้ดูดีมาก เพราะเค้าถ่ายเร็วมากๆ
แนะนำ 10. พยายามทำตัวให้ดูดีมากๆ เพราะเค้าถ่ายเร็วมากๆๆ

ทำบัตรเสร็จก็มานั่งรอ ดูคันอื่นสอบอีกพักนึง เลยได้รู้ว่าคนที่มาสอบด้วยกัน 10 กว่าคน (น่ารัก 2) มีกูผ่านอยู่คนเดียว = =’


จบไปแล้วอีก 1 วันแสนเหนื่อย กับใบขับขี่ชั่วคราว 1 ปี ปีหน้าต้องมาทำแบบกึ่งถาวร 5 ปี

แนะนำ 11. ใช้เวลาทั้งวัน ต้องเตรียมตัวมาดีๆ

ปล1. ทำไมมันไม่แบ่งสอบปฏิบัติเป็นรอบเช้า-รอบบ่าย คนคุมสอบก็คนละชุดกับสอบทฤษฎี รอบเช้าจะได้ให้คนที่มาสอบซ่อม สอบ
ปล2. คนที่น่ารัก 2 คนนี่ไม่นับรวมกับสาวมองโกเลียนะ
ปล3. ตอนแรกนึกว่าจะเจอคนที่น่ารักกว่า 2 คนนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ผิดหวัง สอบ 200 กว่าคนมี 2 คนเนี้ย น่ารักสุดละ ที่เหลือป้าๆทั้งนั้น
ปล4. จากการที่คุยกับ 2 สาวนั้นเลยรู้ว่าม.รังสิตยังไม่ได้สอบมิดเทอมเลย (จริงๆคุยหลายเรื่อง แต่ไม่ควรเปิดเผย)
ปล5. พี่ที่สอนขับรถ+พามาสอบ หน้าก็เหียก แต่ม่อมาก เห็นแล้วก็แอบเซ็งเป็ดปักกิ่ง
ปล6. Entry นี้ยาวมาก ใครอ่านมาถึงตรงนี้จะมีรางวัลให้ เป็นใบสอบซ่อม 3 รางวัล (ล้อเล่น…ไม่มีหรอก ไอ้ใบสอบซ่อมเนี่ย)

23 December 2008

ชีวิต

ใช้ชีวิตให้มีความสุข

หรือ...

มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิต

25 November 2008

“แปลก” แต่ไม่ “แตกต่าง”

วันนี้ผมจะมาระบายเรื่องเกี่ยวกับ “คุณค่าของชีวิต” ครับ จะว่าผมสุดทนก็ได้นะครับ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ กับนิสัย(สันดาน) อย่างหนึ่งของคนไทย คือ ชอบดูถูกคนอื่น

สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้อย่างที่สุด ผมไม่เชื่อว่าการที่คนเราทำตัวแตกต่างจากคนอื่น ทั้งทางด้าน สังคม ฐานะ การแสดงออก หน้าตา ฯลฯ เป็นเรื่องที่น่าดูถูก หรือเหยียดหยาม
การที่เราไม่ได้เกิดมาจากบ้านหลังเดียวกัน มีพ่อ-แม่คนเดียวกัน ทำให้คนเรามีนิสัยแตกต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า คนๆนั้นทำตัวไม่ได้ดั่งใจคุณคิดแล้วคุณจะไปพูดดูถูกเขา หรือ แสดงออกในทางดูหมิ่นเหยียดหยามได้
การที่เรามีฐานะทางเศรษฐกิจไม่เท่ากัน เขาเป็นขอทาน ไม่มีเงินกินข้าว ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำท่าทางรังเกียจเขาได้
หรือการที่เขาเกิดมาหน้าตาไม่ดี มีความผิดปกติ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่คน แล้วคุณจะไปรังเกียจเขา คุณจะทำตัวเหมือนเขาเป็นสัตว์ได้
“เพราะเขาก็สายพันธุ์เดียวกับเรา เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”

โดยเฉพาะยิ่งคนที่มีการศึกษา หรือมีฐานะ(ทางสังคม) ยิ่งแสดงออกรุนแรงกว่าคนกลุ่มอื่น ผมยอมรับว่าผมก็เคยทำท่าทางดูถูก คนอื่นบ้างเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมเห็นมาตลอดช่วงหลายปีมานี้ของคนไทย ทำให้ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเมืองไทยจะรอดจากการเป็นอาณานิคมของต่างชาติมาได้นานถึงขนาดนี้ เพราะคนไทยเราทำตัวแตกแยกกันอย่างไม่น่าเชื่อ! ผมเสียใจจนอยากจะร้องไห้ ยิ่งสถานการณ์การเมืองในตอนนี้ ที่ร้อนซะยิ่งกว่าไฟ จนจะเผาประเทศมอดไหม้ไปหมดแล้ว ผมมองไม่เห็นทางแห่งแสงสว่างเลยครับ ข้างหน้ามีแต่ควันไฟอันมืดมน
อีก 10 ปีข้างหน้า เด็กที่เกิดขึ้นมาคงจะรู้จักประเทศไทยแค่ในวิชาประวัติศาสตร์เท่านั้น

20 July 2008

ทำไมผู้หญิงชอบคนเลว

ผู้ชายหลายๆคนอาจจะเคยคิดใช่มั้ยครับ? โดยเฉพาะคนที่ดูเนิร์ดๆหน่อย อาจจะเคยรู้สึกบ่อยกว่าคนอื่น ว่าทำไมไอ้คนอย่างงั้นมันถึงเป็นแฟนกับ .... ได้ว้าซึ่งอันที่จริงแล้วเค้าอาจจะไม่ได้ถึงขั้นคนเลว แต่ดูภายนอกแล้วนิสัยไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง บลอกนี้ของผมเลยอยากจะมาคิดตามหลักเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายนิสัยไม่ดี

หากมองเผินๆแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงที่น่ารัก นิสัยดี ตั้งใจเรียน (เอาเป้นว่าแทบจะเพอร์เฟค ขาดแต่ว่าพวกเธอไม่มีปีเท่านั้นเอง) จะเกิดมาปิ๊งๆกับผู้ชายที่ดูดบุหรี่ ตกค่ำ ไปกินเบียร์ ดึกหน่อยเข้าผับแดกเหล้า ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ

1. ผู้หญิงแบบนั้นให้ความรู้สึกสูงเกินเอื้อมสำหรับ หนุ่มเนิร์ดๆ ทั้งหลาย แต่ไม่สำหรับพวกที่หน้าด้านเป็นปกติ

2. และแน่นอนว่าทั้งแก๊งจะชอบยุกัน เช่นเฮ้ย! ไม่หมดแก้วงี้มึงป๊อดเหรอซึ่งด้วยนิสัยแล้วก็ยอมไม่ได้ ต้องแสดงให้รู้ว่ากูก็แน่เว้ย!

3. เนื่องจากหน้าด้านอยู่แล้ว จึงไม่เป็นอุปสรรคกับการที่อยู่ดีๆพี่แกก็จะเดินเข้าไปทัก (ม่อ) ขอเบอร์ ขอเมล์ บลาๆๆ เมื่อถูกเพื่อนๆในแก็งยุ

4. และความจริงใจในตอนแรกๆ (ก็จะเอามาเป้นแฟนให้ได้นี่หว่า) ทำให้เหล่านางฟ้าติดกับกันเป็นแถว

ทั้ง 4 ข้อนี้ทำให้เหล่านางฟ้าทั้งหลาย ใจอ่อน หรือ อ่อนใจ เกิดชอบฝ่ายชายขึ้นมาจริงๆ แต่ก็มีให้เห็นหลายเคสแล้วว่าคบกันได้ไม่นาน เพราะลายเริ่มออก นอกใจ เจอคนใหม่ตรงสเปกกว่า ฯลฯ

แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะครับที่คุณจะทำตัวเป็นคนเลว (ล้อเล่นครับ)

26 March 2008

ต้องการ?

สองพันกว่าปีก่อน...
ปราชญ์เฒ่าผู้มีชื่อเสียงยืนยาวมาถึงทุกวันนี้ก็ถูกตั้งคำถามจากลูกศิษย์หนุ่ม

"ท่านโสเครติส สิ่งใดคือความต้องการในชึวิตของข้าพเจ้ากันแน่?"

ศิษย์ผู้มาจากตระกูลอันมั่งคั่งถามนักปราชญ์แห่งกรุงเอเธนส์

"เงินทอง? ชื่อเสียง? หรือภรรยาผู้เลอโฉม?"

และไม่ว่าโสเครติสจะอธิบายว่า แต่ละสิ่งที่พูดออกมานั้นย่อมมีความหมายต่อชีวิตไม่เหมือนกัน
และไม่เท่ากัน มันขึ้นอยู่กับห้วงเวลา ศิษย์ผู้สงสัยในชีวิตผู้นั้นก็ยังคงพะเน้าพะนึงโสเครติส
เพื่อหาคำตอบได้ดั่งใจตนเอง

เมื่อทนรบเร้าไม่ไหว โสเครติสจึงตัดสินใจจูงมือศิษย์หนุ่มไปยังริมแม่น้ำ

"ท่านจะพาจ้าไปแห่งใด?" ศิษย์ถามขึ้นด้วยความสนเท่ห์

"เจ้าอยากรู้มิใช่หรือว่า สิ่งใดคือปีติแห่งชีวิตเจ้า" โสเครติสพูดพลางดึงมือศิษย์ลงไปยังแม่น้ำ

"ที่นี่มีคำตอบหรือ?" ศิษย์หนุ่มถามเมื่อทั้งคู่เดินลุยน้ำมาจนถึงระดับเอว

ไม่ทันขาดคำ โสเครติสใช้มือทั้งสองข้างผลักลูกศิษย์ขี้สงสัยลงในน้ำ ผลักไม่ผลักเปล่า
หนำซ้ำยังใช้มือกดหัวให้จมน้ำอยู่อย่างนั้น ศิษย์หนุ่มถูกกดน้ำก็พยายามดิ้นทุรนทุราย โสเครติสเห็น
ลูกศิษย์ดิ้นก็ไม่ยอมปล่อย กลับออกแรงกดมากขึ้น มาถึงตรงนี้หลายๆคนคงสงสัยว่า โสเครติสเริ่มบ้า?

ครั้นพอคะเนว่าลูกศิษย์ตัวเองเริ่มจะหมดลมหายใจ โสเครติสก็ปล่อยมือ

ทันทีที่ทะลึ่งพรวดขึ้นมาหายใจได้ ศิษย์จึงรีบต่อว่าต่อขานโสเครติสอย่างหนัก

"ท่านอาจารย์จะสังหารข้าหรืออย่างไร?"

"ตอนที่ข้าเอามือกดหัวท่านไว้ ท่ายหายใจออกไหม?" โสเครติสถามหน้าตาเฉย

ลูกศิษย์รีบตอบกลับ "ท่านวิกลจริตหรือเปล่า ท่านโสเครติส ใครจะไปหายใจออกเล่า?"

โสเครติสรุกต่อ "แล้วตอนที่เจ้ากำลังหมดลม ท่านต้องการสิ่งใดมากที่สุดในชีวิต?" คำถามนี้ไม่ว่าใครก็ตอบได้

ว่าแล้วโสเครติสตอบเองว่า "อากาศใช่ไหม??"

"ตอนนี้ท่านได้รับมันแล้วนี่ ท่านดีใจไหมที่ได้รับอากาศหายใจ แล้วทีนี้ รู้หรือยังว่าชีวิตต้องการอะไร?"