27 December 2008

สวัสดี ใบขับขี่

เรื่องก็คือวันนี้ไปสอบใบขับขี่มาครับ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์อันสุดแสนจะหลากหลายอารมณ์ครั้งนี้ให้รู้กัน

เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามาก ราวๆ 6โมงกว่า เพราะพี่ที่สอนขับรถนัดให้ไปถึงร้านตอน 7 โมง
ไอ้กูรึก็ไปถึงตรงเวลา(late ราวๆ30วิ) พี่ทั่นก็ยังไม่มาถึงเลยต้องไปหาอะไรกินที่ 7-11 มาประทังชีวิต
จน 7 โมง 20 นั่นแหละ พี่แกถึงจะขับรถกระบะมา แต่ก็ยังดีที่มีสาวมารอด้วยอีกคนนึง

จากนั้นพี่ก็ขับไปเอาใบรับรองแพทย์ของอีกคนนึง ที่ไม่ได้เตรียมไป ร้านสอนขับรถเลยต้องไปทำให้
ประเด็นของตอนนี้มันก็อยู่ที่ว่า คลินิกที่ไปเอาใบรับรองแพทย์มันอยู่ในตลาด รถเยอะ แถมจอดเละเทะอีก
พี่ทั่นก็เลยมักง่ายมั่ง เจอช่องจอดปุ๊บเสียบเลย ช่องว่างที่ควรจะจอดได้ 2 คันพี่แกก็จอดซะเต็มเหยียด
แล้วระหว่างที่รออยู่ก็มีพ่อค้าคนนึงขับรถมา แล้วก็อยากจะจอดที่ๆเราขวางทางอยู่ ก็เลยมาเคาะกระจกให้ไปขยับให้หน่อย
ไอ้เราจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ แต่เกียร์ธรรมดานี่ไม่เคยเรียนซะด้วย เอาวะ...! ลองซักหน่อย
ว่าแล้วก็สลับที่นั่งไปขับ เปลี่ยนเกียร์ปุ๊บ ปล่อยคลัชท์เร็วเกิน ทำเครื่องดับไป 2 รอบ
มีสาวนั่งอยู่ข้างหลังด้วย โคตรอาย(ก็กูขับเป็นแต่ออโต้อะ ไม่เครื่องพังก็บุญโขแล้ว -*-)
ขยับเข้าที่ได้ก็ดันไปเฉี่ยวรถที่จอดอีกฝั่งนึงเข้าซะอีก แต่ดีที่ไม่เป็นรอย (เฮ่อ...)

แนะนำ 1. อย่าทำเครื่องดับต่อหน้าสาวครับ โชว์ลาวแต๊ๆ
แนะนำ 2. มาตรงเวลา บางทีก็ไม่ได้รู้สึกดี

พอเอาใบรับรองแพทย์มาได้ก็ต้องขับกลับไปที่ร้านอีกรอบ รอรับคนที่เหลือ ประเด็นถัดมาก็คือเจอสาวเอเชีย(ที่ไม่ใช่ไทย)
จะไปสอบด้วยครับ มากับแฟน(คนไทย) เป็นคู่ที่น่ารักดีทีเดียว ไอ้เรามองแรกๆก็นึกว่าเกาหลีไม่ก็ ญี่ปุ่นแน่ๆ แต่ไม่น่าใช่จีน
(คุยกับแฟนก็ภาษาอังกฤษ สำเนียงก็ดีด้วย ทำให้รู้สึกว่าอยากมีแฟนเป็นต่างชาติขึ้นมาทันที ภาษาคงจะดีขึ้นแน่ๆ)
แต่ก็ยังไม่ชัวร์ ไอ้จะเข้าไปถามก็ไม่กล้า แฟนเค้าอยู่ แล้วจะถามแฟน ก็ไม่กล้าอีกอะแหละ กูป๊อด - -“
เอาเป็นว่าแนวๆเอเชียตะวันออก เลยไม่ได้คิดมาก นั่งกระบะท้าย ไหลยาวไปถึงกรมขนส่งจังหวัดปทุมธานี

ไอ้ขนส่งปทุมฯเนี่ย จะเรียกว่าอยู่กลางทุ่งนาก็ไม่ผิด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจังหวัดปริมณฑล ดูห่างไกลความเจริญสุดๆ(ยังดีที่มีร้านข้าวแกงขาย)
พอไปถึงก็ต้องรอคนอื่นซีรอกซ์สำเนาบัตรประชาชน กับสำเนาทะเบียนบ้าน ระหว่างนั้นก็เลยคุยกับพี่ที่มาดูถึงได้รู้ว่าสาวที่กุคิดว่าเกาหลีเนี่ยจริงๆแล้วเป็นชาว..
มองโกเลีย!!! มองโกเลีย...อ่านไม่ผิดหรอก ถิ่นกำเนิดของเจงกิสข่านผู้เกรียงไกรนั่นแหละ
เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนมองโกเลียครับ ตื่นเต้นดีใจนิดๆ (จะตื่นเต้นทำไมเนี่ย) จริงๆก็คงจะมาเรียนที่ม.รังสิตนั่นแล

หลังจากที่ยื่นสำเนาทั้ง2อย่างกับใบรับรองแพทย์ดเรียบร้อยแล้วก็ต้องรอเข้ารับการสอบ
การสอบแบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆด้วยกัน
1. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
2. ทดสอบทฤษฎี
3. ทดสอบปฏิบัติ
การทดสอบก็เรียงตามลำดับเลย คือต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อน ซึ่งก็จะมี 3 การทดสอบย่อย
1.1 วัดปฏิกิริยาตอบสนอง
1.2 วัดสายตาทางลึก
1.3 วัดสายตาทางกว้าง
การทดสอบวัดปฏิกิริยาตอบสนองก็คือ จะมีกล่องวงจรอยู่ 1 กล่องอยู่ห่างจากเราราว 3 เมตร ที่เต่อกับแป้นคันเร่งกับเบรกที่เท้าเรา
ในกล่องวงจรจะเป็นไฟสัญญาณกับแถบหลอด LED สีอีก 1 แถว วิธีการทดสอบก็จะต้องเหยียบคันเร่งก่อน (ไฟสีเขียวจะติด)
เหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ ซักพักหลอก LED ก็จะมีไฟสีเขียวพุ่งขึ้นตามแถบ เราก็จะต้องเหยียบเบรกให้ทันก่อนที่จะถึงช่วงที่ LED เป็นสีแดง
ซึ่งช่วงนี้ก็จะมีระยะเวลา 0.75 วินาที(เร็วมาก) ถ้าเหยียบเบรกไม่ทันก็สอบตก กลับบ้านได้เลย
ไอ้เราก็ตื่นเต้น พอตอนสอบดันเหยียบเบรกไม่โดนซะงั้น - -“(อายอีกแล้ว) ยังดีที่เค้าให้แก้ตัวอีกรอบ คราวนี้ก็ไม่พลาด ชิวๆ

พอมาทดสอบอันที่ 2 ก็ไม่มีอะไรมากครับ กล่องวงจรอันเดียวกันด้านบนกล่องจะมีแท่งพลาสติก(น่าจะพลาสติก) 2 แท่ง
แท่งทางขวาติดอยู่กับที่ เราต้องทำก็คือกดรีโมต(ขึ้น-ลง)ให้แท่งทางซ้ายเลื่อนมาอยู่ในแนวเดียวกับแท่งด้านขวา
อันนี้ก็ผ่านมาแบบชิวๆ

การทดสอบถัดมาก็เป็นวัดสายตาทางกว้าง การวัดก็จะคล้ายๆที่เรียนชีวะม.5 (ที่ให้เอาแท่งสีเลื่อนจากหางตามาเรื่อยๆจนกว่าจะบอกสีได้)
อันนี้ก็จะคล้ายๆกัน แค่ไฮโซกว่า เพราะเป็นเครื่องวัดโดยเฉพาะ คือคนคุมสอบจะเป็นคนกดเลือกไฟสี(แดง-เหลือง-เขียว)ที่จะติดตรงหางตา
สิ่งที่เราต้องทำคือ ตามองตรงแล้วตอบสีที่คนคุมสอบกดให้ถูก 2 ใน 3 ครั้งก็จะผ่าน
จริงๆมันก็ไม่ควรจะยากเท่าไหร่หรอก ไอ้ที่ยากก็คือมันมีทั้งด้านซ้ายและขวา เลยสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังชิวๆอยู่ ผ่านมาแบบไม่ยากเย็นนัก

ส่วนสาวมองโกเลียก็ทำให้ทุกคนที่มาสอบฮือฮาพอสมควรเลย เสียงคุยเงียบลงทันทีทันใดเลย แถมสอบผ่านทุกอันได้ในรอบเดียวด้วย

แนะนำ 3. แบบทดสอบเหยียบแบรกนี่น่ากลัวสุด ต้องมีสมาธิพอสมควร
แนะนำ 4. ใครตาบอดสีก็ซวยไป...

พอก่อนจะสอบภาคทฤษฎีเนี่ย เค้าก็จะมีอบรมให้ก่อน ราวๆ 2 ชม. เกี่ยวกับกฎ กติกา มารยาททั้งหลาย ซึ่งก็ฟังสบายๆ ไม่น่าเบื่อ เพราะเป็นวิดีโอ
แล้วก็จะมีอีกส่วนที่บรรยายโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่น่าเบื่ออีกเช่นกัน พี่แกมีมุขตลอด ฮา หึหึ ได้เรื่อยๆ
ไอ้ตรง 2 ชม.นี้ เนื้อล้วนๆ ควรจะต้องใจฟังให้ดี(แต่ไม่ต้องจด เพราะเอาเข้าสอบไม่ได้) เอาเป็นว่าไม่ต้องอ่านอะไรมาก่อน ฟังอันนี้ 2 ชม. ก็ผ่านภาคทฤษฎีแล้ว

เรื่องที่นึกไม่ถึงอีกอย่างก็คือ ขนส่งปทุมฯใช้ระบบ e-Exam!! ก็คือระบบสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์นั่นเอง แถมยัง random ข้อสอบเองด้วย คือข้อสอบน่าจะมีเกิน 50 ข้อ แล้วเครื่องมันก็จะสุ่มมา 30 ข้อ
วิธีใช้เครื่องก็ไม่มีปัญหา เพราะเค้าอธิบายตั้งแต่ตอนอบรม ไอ้ปัญหาก็คือตอนเข้าไปสอบต้องแลกบัตรประชาชนกับ e-card
(ในการ์ดเค้าจะใส่ข้อมูลของเราลงไป ตอนสอบก็เสียบเข้าไปในเครื่อง) ดันลืมเอาบัตรประชาชนมา -*- โอ้วววว!!!!! (Scan ทำสำเนาเมื่อคืน เลยลืมเอาใส่กระเป๋าตัง)
เอาล่ะสิทีนี้ เกิดอาการตุ๊มๆต่อมๆ เค้าจะให้สอบมั้ยเนี่ยยย หรือต้องกลับบ้านหว่า ปรากฏว่าเดินเข้าไปพี่คนคุมแกก็ไม่ว่าอะไรเลย โล่ง....
ตอนทำก็ขำๆ ไม่ยาก แต่จอมันทำมุมองศาไม่ค่อยดี มองลำบาก ใช้เวลาไปราวๆ 9 นาที 30 ข้อ ต้องถูก 75% หรือ 23 ข้อขึ้นไป
ก็ทำถูกไป 26/30 ซึ่งก็ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้ เพราะทำไม่ได้ 3-4ข้อ เกี่ยวกับการต่ออายุบัตรไรซักอย่างเนี่ย ตอบมั่วเลย ไม่ต้องคิดมาก
ถึงไม่ผ่านก็แก้ตัวได้อีกรอบอยู่ดี(ต้องรอจนคิวสอบหมด ถึงจะได้แก้ตัว) แถมรอบๆตึกก็โปสเตอร์แนะนำกฎ สัญญาณ สัญลักษณ์ แปะเต็มไปหมด ใครตกก็แย่แล้ว
พอผ่านก็รับบัตรคิวสอบปฏิบัติ

สาวมองโกเลียเค้าก็มีข้อสอบภาษาอังกฤษให้ทำ แต่คุยกับแฟนเค้า(ตอนเที่ยงๆเริ่มกล้า) ก็บอกว่าศัพท์ยากมาก ไม่รู้ไปคุ้ยศัพท์จากที่ไหนมาออก รอบแรกได้ไป 16/30
พอมารอบ 2 พี่ทั่นติวอีท่าไหนไม่รู้ได้มา 27/30 เล่นเอาอึ้งไปนึดนึงเหมือนกัน เก่งเหมือนกันนะเนี่ย

แนะนำ 5. บัตรประจำตัวประชาชน ไม่ต้องเอาไปก็ได้ แต่ติดตัวไว้ก็ปลอดภัยดี (ตรงข้ามกับแฟนเนอะ)

กินข้าวเสร็จรอสอบตอนบ่าย รอคิวสอบที่ 74 อธิบายก่อน ท่าสอบมี 3 ท่า
3.1 หยุดเทียบทางเท้า ทางซ้าย
3.2 จอดเข้าช่อง ทางด้านซ้าย(ขนานกับถนน)
3.3 ถอยหลังทางตรง
ไอ้เราก็กังวลกับท่าสอบแรกมาก เพราะฝึกมาหน่อยเดียว แถมห้ามหยุดรถจนกว่าจะถึงเส้นที่กำหนดอีก เลยออกอาการกระสับกระส่ายเลยทีเดียว
ส่วนอีก 2 ท่าที่เหลือนี่ไม่ยาก เพราะฝึกมาเยอะแล้ว ยิ่งท่าที่ 3 นี่แทบไม่ต้องมองหลังเลยยังได้
อีกอย่างที่กังวลคือถ้าตกก็ต้องมาสอบซ่อมหลังปีใหม่ (แต่ยังดีที่ซ่อมแค่ท่าที่ตก)
แต่ความเซ็งที่ต้องรอนานนี่มันสุดยิดจริงๆ รอคิวตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะได้สอบก็บ่ายสามกว่าๆ ตอนนั้นเครียดมาก ต้องไปซื้อหมากฝรั่งมาเคี้ยว(จากร้านโชว์ห่วยแถวนั้น)
ต้องรออย่างเดียวจริงๆ น่าเบื่อขั้นเทพ พอถึงตอนที่เค้าเรียกหมายเลขนี่ก็ต้องไปเอารถวนมารอ (จะมีรถต่อคิวอยู่แล้ว) ตอนขับมาต่อคิวไม่มีอะไร
แต่คันข้างหน้านี่ เพิ่งจะเคยมาขับคันนี้หรือไงไม่รู้ (เห็นว่าเป็นรถเช่ามา) ต้องให้มีคนมาฝึกเข้าเกียร์ธรรมดา เข้าเกียร์มันคงไม่เท่าไหร่หรอก
**แต่ปกติเนี่ย แค่เข้าเกียร์เฉยๆรถมันก็จะออกตัวช้าๆอยุ่แล้ว** พี่แกคึกเหยียบคันเร่งด้วย เสยรถในลานจอดไป 2 คัน ทำเอาตกใจแว๊บ เพราะมันเล่นเกิดข้างหน้าแบบจะๆ
ก็น่าจะให้ตกได้เลยนะเนี่ย = =’ ขนาดยังไม่ทันสอบยังขับชนซะแล้ว (ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสอบผ่านรึเปล่า แต่ขอให้ไม่ผ่าน เดี๋ยวไปชนชาวบ้านเข้าจะแย่)

ตอนนี้ก็ถึงเวลาตื่นเต้นซะแล้ว เลี้ยวเข้าไปสอบท่าแรก มีกฎ 4 ข้อ
3.1.1 ห้ามหยุดรถจนกว่าจะถึงเส้นที่กำหนด
3.1.2 ห้ามล้อชนกับขอบฟุตบาท
3.1.3 ล้อห้ามห่างขอบฟุตบาทเกิน 25 ซม.
3.1.4 ล้อหน้าและล้อหลังต้องขนานกัย
ขับช้าๆๆๆๆๆๆ ช้าสุดๆ คือก็ต้องกะให้รถหยุดตรงเส้น(จริงๆเป็นช่วง ระยะ 1 เมตร)ที่เค้ากำหนด ปรากฏว่า ผ่าน! แถม perfect เลยด้วย
คือล้อทับเส้นขอบทางพอดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ไง (ตอนขับจริงคงทำไม่ได้ - -“)
พอผ่านท่าแรกปุ๊บก็ชิวเลยที่นี้ ขับมาทำท่าที่ 2 จอดรถเข้าช่อง มีกฎคือ
3.2.1 ห้ามขับชนหลักกั้น
3.2.2 เปลี่ยนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง
3.2.3 ล้อข้างขวาต้องไม่เลยจากเส้นที่กำหนด
3.2.4 ตัวรถต้องขนานกับช่องจอด
อันนี้ไม่ยากเท่าไหร่ มีเทคนิกเล็กน้อย (อยากรู้ก็ Email มาถามได้) แต่ที่สำคัญคือเค้าจะเปลี่ยนท่านี้ทุกปี ง่ายบ้าง ยากบ้าง อย่างปีนี้ก็ถือว่าง่ายแล้ว
เข้าไปจอดแบบขำๆ แต่คราวนี้เค้าไม่บอกแล้วว่าผ่านรึเปล่า จะโบกมือให้ไปทำท่าที่ 3 ต่อเลย

ท่าสุดท้ายก็ไม่ยากอีกเหมือนกัน คือวิ่งตรงเข้าไปในช่องทางแคบๆ เท่าที่กะๆด้วยสายตาก็คงราวๆ 2 เมตรกว่าๆ
ระยะทางซัก 15 เมตร พอขับตรงเข้าไปจนสุดก็จะมีป้ายหยุด แล้วเราก็จะต้องถอยหลังกลับในทางที่เข้ามาจนหน้ารถเลยเสาสุดท้าย
3.3.1 ห้ามขับชนเสาด้านข้าง
3.3.2 ห้ามหันไปมองข้างหลัง (แต่ใช้กระจกข้าง, กระจกมองหลังได้)
ผ่านแบบชิวๆอีกแล้ว เท่านั้นแหละ โล่งเลย โอ้วววว!!! กุมีใบขับขี่แล้ววว......................แต่! ยัง ยังก่อน ยังไม่ได้ทำใบขับขี่เลย

แอบเสียดายที่ไม่ได้ดูสาวมองโกเลียขับ เพราะกลับมาก่อน แต่ก็เดาได้ว่าน่าจะผ่านได้ไม่ยาก

แนะนำ 6. ขับช้าๆ ขับให้ช้าที่สุด แต่ห้ามหยุด(เฉพาะอันแรก) กรรมการจะเร่งให้ทำเร็วๆเพราะมีคนต่อคิดเยอะ แต่ก็ไม่ต้องไปสนใจ ตั้งใจขับอย่างเดียวพอ
แนะนำ 7. รถกระบะเสียเปรียบโคตรๆ เพราะยาวกว่า ตัวรถก็สูงกว่า มองยาก เป็นไปได้ก็ใช้รถคันเล็กจะดีที่สุด

พอสอบเสร็จก็ต้องมาทำบัตร จ่าย 205 บาท ค่าบัตร แต่พอควักกระเป๋าตังออกมาเท่านั้นแล.....120 บาท โอ้วววว!!! ลืมกดตังมา
แย่แล้ว ดีมาทั้งวัน จะมาตายตอนจบหรือเนี่ยกู.... สุดท้ายก็ต้องวิ่งไปยืมเงินพี่คนสอนขับรถมา 100 นึงให้พอจ่ายไปก่อน
จ่ายตังเสร็จก็มารอเข้าคิวถ่ายรูปลง smartcard ก็ผงะไปอีกรอบ คนต่อคิวราวๆ 50 คนได้ เพราะรถมอ’ไซค์ จะสอบเยอะกว่า แถมพนักงานถ่ายรูปก็มีคนเดียว
แต่ก็ยังดีที่ใช้โปรแกรมที่สร้างมาเฉพาะ ถ่ายรูปแล้วสกรีนลงบนบัตรเลย ก็สบายดี ไม่ต้องรอนาน แค่ครึ่งชม.เท่านั้นเอง (ก็ยังนานอยู่ดี - -“)

แนะนำ 8. พยายามทำตัวให้ดูดี เพราะเค้าถ่ายเร็วมาก
แนะนำ 9. พยายามทำตัวให้ดูดีมาก เพราะเค้าถ่ายเร็วมากๆ
แนะนำ 10. พยายามทำตัวให้ดูดีมากๆ เพราะเค้าถ่ายเร็วมากๆๆ

ทำบัตรเสร็จก็มานั่งรอ ดูคันอื่นสอบอีกพักนึง เลยได้รู้ว่าคนที่มาสอบด้วยกัน 10 กว่าคน (น่ารัก 2) มีกูผ่านอยู่คนเดียว = =’


จบไปแล้วอีก 1 วันแสนเหนื่อย กับใบขับขี่ชั่วคราว 1 ปี ปีหน้าต้องมาทำแบบกึ่งถาวร 5 ปี

แนะนำ 11. ใช้เวลาทั้งวัน ต้องเตรียมตัวมาดีๆ

ปล1. ทำไมมันไม่แบ่งสอบปฏิบัติเป็นรอบเช้า-รอบบ่าย คนคุมสอบก็คนละชุดกับสอบทฤษฎี รอบเช้าจะได้ให้คนที่มาสอบซ่อม สอบ
ปล2. คนที่น่ารัก 2 คนนี่ไม่นับรวมกับสาวมองโกเลียนะ
ปล3. ตอนแรกนึกว่าจะเจอคนที่น่ารักกว่า 2 คนนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ผิดหวัง สอบ 200 กว่าคนมี 2 คนเนี้ย น่ารักสุดละ ที่เหลือป้าๆทั้งนั้น
ปล4. จากการที่คุยกับ 2 สาวนั้นเลยรู้ว่าม.รังสิตยังไม่ได้สอบมิดเทอมเลย (จริงๆคุยหลายเรื่อง แต่ไม่ควรเปิดเผย)
ปล5. พี่ที่สอนขับรถ+พามาสอบ หน้าก็เหียก แต่ม่อมาก เห็นแล้วก็แอบเซ็งเป็ดปักกิ่ง
ปล6. Entry นี้ยาวมาก ใครอ่านมาถึงตรงนี้จะมีรางวัลให้ เป็นใบสอบซ่อม 3 รางวัล (ล้อเล่น…ไม่มีหรอก ไอ้ใบสอบซ่อมเนี่ย)